รหัส |
: |
71142 |
ชื่อพระ |
: |
มีดหมอเหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ |
สถาณะ |
: |
|
ราคา |
: |
โทรถาม |
รายละเอียด |
: |
มีดหมอ จัดเป็นเครื่องรางของขลังในอีกรูปแบบหนึ่ง มีชื่อเรียกขานแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่น บ้างเรียกมีดปราบไพรีพินาศ บ้างเรียกมีดเทพศาสตราวุธ บ้างเรียกมีดด้ามงา บ้างเรียกมีดเหน็บ และที่เรียกมีดครวญช้างก็มี ซึ่งเป็นการเรียกตามลักษณะของมีดหมอที่สร้างขึ้น\n\nมีดหมอของหลวงพ่อเดิมแต่แรกนั้นยังมีรูปแบบไม่แน่นอน ผู้ที่ต้องการมีดหมอต่างให้ช่างตีมีดขึ้นมาแล้วทำด้ามทำปลอกกันเอง จากนั้นจึงนำมาให้หลวงพ่อเดิมทำการบรรจุและปลุกเสกให้\n\nต่อมาจึงมีการริเริ่มทำมีดหมอให้มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์เหมือนๆ กัน ใบมีดมีลักษณะเหมือนกับมีดจักตอก โดยที่โคนมีดคอด แล้วค่อยๆ ป่องขึ้นแล้วเรียวปลาย ใบมีดมีการสลักอักขระขอม หรือลวดลายใกล้สันมีด ขณะเดียวกันด้ามมีดก็มีการสลักลายสวยงาม เป็นมีดหมอของหลวงพ่อเดิมในยุคกลาง\n\nส่วนมีดหมอที่นิยมเล่นหาสะสมกันอยู่ในปัจจุบันนี้เป็นมีดหมอในยุคปลาย เมื่อความต้องการของมีดหมอมีมากขึ้นทางวัดจึงได้จ้างช่างในอำเภอพยุหะคีรีตีมีดขึ้นส่งวัด ซึ่งเท่าที่สืบทราบได้มีช่างฉิม ช่างไข่ ช่างสอน ช่างแม้น แต่ช่างที่คนในวงการรู้จักกันมากที่สุดคือ ช่างไข่ และช่างฉิม\n\nมีดหมอหลวงพ่อเดิมนี้บางท่านเรียกว่า \"มีดปราบชาตรี\" ด้วยว่าหลวงพ่อเดิมได้สร้างมีดหมอขึ้นมามีวัตถุประสงค์ประการหนึ่ง คือ เพื่อเป็นการป้องกันการถูกรังแกจากพวกนักเลงหัวไม้ในอดีต ที่มักสักยันต์ลงคาถาอาคม อาบน้ำว่าน เพื่อให้ร่างกายอยู่ยงคงกระพัน พกพาเครื่องรางของขลัง ทั้งที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ และปลุกเสกขึ้น แล้วออกรังแกชาวบ้านด้วยว่าตัวเองมีของดีปกป้องรักษา\n\nดังนั้นด้วยความเป็นห่วงลูกศิษย์ที่อยู่ห่างไกลจะถูกพวกนักเลงอันธพาลรังแก หลวงพ่อเดิมจึงได้สร้างมีดหมอขึ้นมา ซึ่งมีพุทธคุณครอบจักรวาล คือ\n\n1.ป้องกันคุณไสย\n\n2.ป้องกันตัวเองจากศัตรู\n\n3.ขับภูติผีปิศาจที่เข้าสิง\n\n4.แก้อาถรรพ์ความคงกระพันชาตรี\n\n5.ป้องกันอสรพิษ และสัตว์เขี้ยวงาทั้งหลาย\n\n#มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปรารภกับพระยาบดินทรเดชานุวัตร สมุหเทศาภิบาล ถึงเรื่องจระเข้ในบึงบรเพ็ดว่า หน้าน้ำมีน้ำมากเต็มบึงจระเข้อาจจะหลุดมาทำร้ายชาวบ้านได้ พระยาบดินทรเดชานุวัตรกราบบังคมทูลว่า อย่าได้ทรงวิตกเลย เพราะได้ขอให้พระครูนิวาสธรรมขันธ์ (เดิม) วัดหนองโพ ช่วยจัดการสะกดจระเข้ในบึงบรเพ็ดไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยท่านมีมีดหมอปราบกุมภีล์ ซึ่งสามารถสะกดจระเข้ให้อยู่ได้\nมีดหมอของหลวงพ่อเดิมจึงมีชื่อเรียกขานอีกอย่างหนึ่งว่า \"มีดปราบกุมภีล์\"\n\n#มีดหมอของหลวงพ่อเดิม มีเรื่องเล่าขานถึง \"ปาฏิหาริย์\" มากมาย ดังเรื่องของนายแกละ พ่อค้าในตลาดตาคลี ซึ่งได้ไปเที่ยวที่อำเภอตากฟ้า และได้เกิดไปมีเรื่องมีราวกับนักเลงเจ้าถิ่น ซึ่งมี 2 คน แถมด้วยปืน 2 กระบอก ทว่านายแกละได้พกมีดหมอของหลวงพ่อเดิมติดกายไปด้วย เมื่อเจ้าถิ่นทั้ง 2 ลั่นกระสุนเข้าใส่ร่างของนายแกละ ต่อหน้าผู้เห็นเหตุการณ์นับสิบคน คมกระสุนไม่อาจเจาะผ่านร่างของนายแกละแต่ประการใดไม่\n\nอีกเรื่องหนึ่ง ตำรวจได้จับกุมคนร้ายคนหนึ่ง ซึ่งพกพามีดหมอเป็นเครื่องรางของขลังติดกาย และได้ชักมีดหมอต่อสู้กับตำรวจไม่ยอมให้จับกุม ตำรวจเห็นคนร้ายต่อสู้ขัดขืนการจับกุมจึงคิดจะจับตาย ได้ช่วยกันยิงคนร้าย แต่กระสุนปืนหลายกระบอกหาได้ยิงถูกคนร้ายที่ถือมีดหมอวิ่งหนีไปไม่ สุดท้ายคนร้ายวิ่งจนหมดแรงจึงยอมให้จับกุมแต่โดยดี ตำรวจได้มีดหมอของกลางมาสอบถามว่าเป็นของหลวงพ่อกัน แต่มีผู้เห็นมีดหมอด้ามนี้เป็นมีดเหล็กดำ\n\nว่าเป็นมีดที่หลวงพ่อเดิมปลุกเสกให้หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว\nมีดหมอยังมีสรรพคุณในด้านการปราบผีด้วย ดังเรื่องราวของ พันเอก (พิเศษ) ประจน กิตติประวัติ หรือที่รู้จักกันในนามของ \"ตรียัมปวาย\" นักเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพระเครื่อง และผู้จัดทำเนียบพระเครื่องชุด \"เบญจภาคี\"\n\nในสมัยที่พันเอก (พิเศษ) ประจน กิตติประวัติ ยังมียศที่ร้อยตรี ประจำอยู่จังหวัดนครราชสีมา ท่านได้มีดหมอของหลวงพ่อเดิมมาไว้เป็นของคู่เรือนอยู่เล่มหนึ่ง ได้เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า ที่มีเสื้อผ้าของภรรยาของท่านรวมอยู่ด้วย แต่ทว่าเอาไว้ชั้นบน ปรากฏว่าเมื่อท่านให้ทหารรับใช้มานอนเฝ้าบ้าน ทหารรับใช้นั้นก็ไม่เต็มใจที่จะมานอนเพราะกลัวตู้ใบนั้น ครั้นถามว่าเอ็งกลัวตู้ใบนั้นทำไม มีอะไรหรือ\nทหารรับใช้ก็ว่า อยู่ดีๆ ตู้ใบนั้นจะสั่นเองได้ โดยไม่มีใครไปเขย่า ทำให้เขากลัว\nต่อมาปรากฏว่าเสื้อผ้าของภรรยาพันเอก (พิเศษ) ประจน กิตติประวัติ หล่นลงมากองอยู่ข้างล่างเหมือนกับมีใครจับโยนลงมา ทำให้พันเอก (พิเศษ) ประจน กิตติประวัติ นึกขึ้นมาได้ จึงได้นำมีดหมอออกไปเก็บไว้ที่อื่น\nหรือในคราวหนึ่งที่โรงเลี้ยงอาหารของทหาร เกิดมีเรื่องเอะอะขึ้น โดยพวกทหารที่มาจากทางอีสานบางคนมีวิชาดี ปล่อยผีให้เข้าสิงในหมู่เพื่อนทหารด้วยกัน ผู้ที่ถูกผีสิงก็แสดงอาการอาละวาด ขว้างปาจากชามแตกโพล้งเพล้ง เมื่อมีผู้ไปรายงาน พันเอก (พิเศษ) ประจน กิตติประวัติ โมโหมาก จึงพกมีดหมอของหลวงพ่อเดิม ตรงไปยังโรงเลี้ยงอาหารแล้วประกาศหาตัวคนที่ปล่อยผีเข้าเพื่อนทหาร\nทันใดนั้นผีก็เข้าทหารคนหนึ่งถึงดิ้นและกราดเกรี้ยว พันเอก (พิเศษ) ประจน กิตติประวัติ จึงเดินตรงเข้าไปหาทหารคนนั้น แต่ยังไม่ทันถึงตัวดี เจ้าผีร้ายก็ร้องลั่นว่า \"ออกไปห่างๆ ข้อยยั่นอาณาจักร\" ครั้นเมื่อ พันเอก (พิเศษ) ประจน กิตติประวัติ เข้าไปจับมือ ผีก็ออกไปทันที ทหารคนนั้นก็มีอาการล้มหงายผึ่ง\nทั้งนี้มารู้ในภายหลังว่า ที่ร้องว่า \"ข้อยยั่นอาณาจักร\" นั้น เพราะผีร้ายมองเห็นเป็นจักรพระนารายณ์จะเข้ามาสังหารมัน\nมันจึงบังเกิดความกลัว\n\nหมายเหตุ : ขอบคุณเครดิต\nแหล่งที่มาของ (จ่าเจี๊ยบ ปากน้ำโพ)\n---------------------------------------\nดหมอหลวงพ่อเดิมปะทะดาบล้างอาถรรพ์◎ (ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม)\n\nไพฑูรย์เล่าว่าคราใดที่ถูกจองจำ ห้าสถาน อันประกอบด้วยข้อมือสองข้างโยงไปที่มือและข้อเท้าสองข้างถ่วงด้วยลูกตุ้มตรวนจะเดินเหินลำบากต้องลากขาสองข้างไปตามทาง เดินเสียงโซ่ลากพื้นดังแกรกๆ\n\nทั้งนี้เพราะไพฑูรย์เคยเอาปากกาขว้างใส่ผู้พิพากษาและอัยการถูกเพิ่มโทษ และทางเรือนจำได้ตัดสินใจจองจำห้าสถานระหว่างเดินทางจากเรือนจำไปศาลเพื่อมิให้ละเมิดศาลได้อีก\n\nการกระทำดังกล่าวเป็นการย้อนยุคไปในยุคที่ยุคที่ทางกรมนครบาลใช้การสอบสวนผู้ต้องหาด้วยการทรมานที่เรียกกันว่า ‘’จารีตนครบาล’’\n\nถ้ามีเวลาไปพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับคุกมหันตโทษได้ที่เรือนจำบางขวางจะเห็นเครื่องทรมานผู้ต้องหาให้รับสารภาพ อาทิ การตอกเล็บ คือการเอาเข็มขนาดใหญ่ตอกเข้าไปในจมูกเล็บ เอาเครื่องบีบขมับมาบีบขมับผู้ต้องหา การใส่ตรวน กำกับการใช้ขื่อคาที่คอและข้อมือผู้ต้องหา การสักหน้า การแห่ประจานฯลฯ\n\nความเจ็บปวดทรมานทำให้ผู้ต้องหาทนไม่ไหวก็รับสารภาพ\n\nแต่แล้วไพฑูรย์ ก็ต้องมาโดนจารีตนครบาลที่พระบาลสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทางยกเลิกที่ทางเรือนจำบางขวางจนได้นั้นเป็นแรงบันดาลใจให้ตัดสินใจตั้งใจเป็นหนึ่งว่าจะแหกคุกทุกครั้งหากมีโอกาสทำได้ และก็ได้ทำสมใจอยาก หากหนีไปไม่รอดก็กลับมาพบกับการโบย การซ้อมสองสลบ สามสลบ\n\nทุกครั้งที่โดนอาญาเถื่อน ก็ทำให้ไพฑูรย์เพิ่มความแค้นมากขึ้นเป็นทวีคูณ จนจิตใจเกิดความเหี้ยมโหดจนถึงที่สุด\n\nอยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อนเป็นดินแดนที่มีผู้กล้ามากมายสืบเชื้อสายกันมาจนถึงปัจจุบัน จนกลายเป็นคำพูดที่สืบกันมาว่า ‘’กรุงศรีอยุธยาไม่เคยสิ้นคนดี’’\n\nเริ่มจากพระบามสมเด็จพระศรีสุริโยทัยวีรสตรีที่สละพระชนม์ชีพเอาพระวรกายรับคมง้าวของพระเจ้าแปรจนขาดคอช้างเพื่อให้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงรอดพระชนม์ชีพจากของ้าวของพระเจ้าแปร\n\nสมเด็จพระนเรศวรมหาราช(พระองค์ดำ)ทรงกอบกู้เอกราชแห่งกรุงศรีอยุธยาด้วยการทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาที่ดอนเจดีย์\n\nสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้เอกราชของประเทศไทย หลังจากกรุงศรีอยุธยาถูกเผาเป็นเถ้าถ่านสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีใหม่\n\nพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวบรมราชาธิราชแห่งกรุงรัตนโกสินร์ ทรงทำให้ประเทศสยามพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษและฝรั่งเศสด้วยวิเทโศบายด้านต่างประเทศ\n\nไพฑูรย์ว่าผู้ใดไม่น้อมรำลึกถึงมหาบารมีของพระมหากษัตริย์ทั้ง3พระองค์นี้ ในกมลสันดานแล้วเป็นคนไทยเพียงแต่ชื่อ แต่หัวใจและเลือดเนื้อหาใช่คนไทยไม่ เพราะทั้ง 3พระองค์ทรงพระคุณอันใหญ่หลวงต่อชาวไทยเป็นล้นพ้น\n\nจากลานเทไปซ่อนตัวอยู่ที่ตำบลมหาราชกับกำนันสมาน ที่พี่เสงี่ยมได้เคยแนะนำให้ไปพึ่งเมื่อเดือดร้อนเพราะกำนันสมานเป็นญาติกับพี่เสงี่ยมการแนะนำตัวก็ไม่ยาก\n\nพี่เสงี่ยมจะบอกรหัสติดต่อที่รู้กัน เมื่อไพฑูรย์พูดกับกำนันสมาน กำนันก็ร้องอ้อแล้วให้ไปพักในที่สำหรับรับแขกพิเศษที่มาขอพึ่งพาอาศัยในสวนกล้วยน้ำว้าที่ห่างไกลผู้คน\n\nกำนันสมานคนนี้สืบเชื้อสายมาจาก ‘’เสืออ่วม อกโรย’’ ขุนโจรชื่อดังเมื่อต้นรัชสมัยพระบามสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวบรมมหาราชาธิราชที่ท่านเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน\n\nเสืออ่วม อกโรย ออกอาละวาดปล้นฆ่าจนเป็นที่ครั่นคร้ามของบรรดาชาวกรุงเก่าเลยไปบางเสด็จ,ป่าโมก ไปจนถึงวิเศษชัยชาญ กรมการเมืองกรุงเก่าถูกเรียกมาพบกับท่านเจ้าพระยาฯ ได้ซักไซ้ไล่เรียงจนได้ความแน่ชัดจึงสั่งให้กรมพระนครบาลนำกำลังออกไปปราบเสืออ่วมอกโรยทั้งทางน้ำและทางบก ท่านเจ้าพระยาฯ นำกำลังไปเสริมอีกหน่วยหนึ่ง\n\nเสืออ่วมไม่คิดว่าทางการจะระดมกำลังปราบ จึงไม่ได้ระวังตัวเท่าที่ควร มัวเพลินกับลูกสาวชาวบ้านที่ปล้นฆ่าบิดาแล้วฉุดลูกสาวมาทำเมีย ถูกกำลังนครบาลที่ตั้งด่านสกัดรวบตัวได้ขณะกำลังเปลือยกายสาวร้องบอกให้ทางนครบาลรู้ว่าเป็นเสืออ่วม เสืออ่วมถูกขังไว้รอท่านเจ้าพระยาฯมาทำการพิจารณาคดี\n\nท่านเจ้าพระยาสั่งให้กรมการเมืองกรุงเก่านำพยานมายืนยันมั่นเหมาะ ศาลขณะนั้นมิได้พิจารณาคดีแบบปัจจุบัน ท่านเจ้าพระยาฯ ตัดสินให้ประหารชีวิตซึ่งตามปกติเป็นการตัดหัวให้มีคนมาดู เมื่อตระเวนน้ำตระเวนบกแล้วก็นำตัวไปประหาร\n\nแต่การประหารคราวนี้เป็นการใช้ขวานผ่าอกแทนการตัดคอ บรรดาญาติพี่น้องของเสืออ่วมต่างพากันไม่ดำเนินรอยตาเสืออ่วม เป็นคนดีสืบเชื้อสายอกโรยที่เป็นถึงกำนัน\n\nกำนันสมานกำชับไพฑูรย์ให้อยู่แต่ในที่พักห้ามออกไปเที่ยวเล่น เพราะหากถูกจับชื่อเสียงของแกจะพังหมด ไพฑูรย์รับปากเพราะเกรงใจทั้งกำนันสมานและพี่เสงี่ยม ได้แต่นั่งๆนอนๆ\n\nจนเช้าวันหนึ่งมีคนมาตามให้ไปบ้านกำนันสมาน พอไปถึงก็พบกำนันสมานนอนบาดเจ็บถูกฟันเข้าที่ต้นแขน กำนันสมานบอกว่าเสือปลั่ง บ้านสามบัณฑิต ใช้ดาบอาคมฟันจนบาดเจ็บขณะบุกเข้าจับกุม\n\nไพฑูรย์เอามีดหมดหลวงพ่อเดิมออกมา เอาด้ามฝนกับฝาละมีหม้อดิน เอาน้ำล้างใบมีดหมอผสม นำไปทาแผลแก้อาถรรพ์ เพราะปากแผลเขียว แผลกำลังจะเป็นแผลกลาย สามวันแผลก็เป็นปกติ กำนันสมานออกปากว่าเคยได้ยินชื่อมีดหมอหลวงพ่อเดิม แต่ไม่เคยรู้มีสรรพคุณเพียงนี้\n\nไพฑูรย์ได้บอกเส้นทางไปรับมีดหมอหลวงพ่อเดิม แล้วกระซิบบอกกับกำนันสมานว่าจะตามล้างแค้นให้เอง\n\nกำนันสมานห้ามเสียงหลงเพราะดาบอาคมของเสือปลั่งทำลายอาถรรพ์ ไม่ว่าจะเป็นรอยสักหรือเครื่องรางต่างๆมามากต่อมาก\n\nแต่ไพฑูรย์บอกว่ามีดหมอหลวงพ่อเดิมก็จะล้างอาถรรพ์เสือปลั่งเหมือนกัน\n\nกำนันสมานให้ลูกชายไปหยิบดาบอรัญญิกที่ดีขึ้นจากเหล็กน้ำพี้ผสมทองแดงยอดนพศูล กับเหล็กอรัญญิกเดิม หลอมแล้วจึงตีขึ้นรูปตีแล้วจุ่มน้ำผสมน้ำพระจันทร์เพ็ญเดือน12 ตอนเที่ยงคืนเพื่อให้เนื้อเหล็กผ่านร้อนผ่านเย็นเป็นร้อยเป็นพันครั้งเกิดความเหนียวไม่เปราะง่ายเหมือนที่ตีจากเหล็กน้ำพี้บ่อพระแสงที่คมจริง แต่ใช้ต่อสู้ติดต่อกันเป็นเวลานานๆจะเกิดความร้อนและเปราะหักง่าย\n\nไพฑูรย์ถือโอกาสลากำนันสมานแล้วเดินทางไปกับลุงสนิท มือขวาของกำนันสมานเป็นคนแกะรอยเก่งเป็นสายสืบเก่า แต่ลาออกมาช่วยกำนันสมานเพราะเป็นคนที่มีเชื้อสายอกโรยเหมือนกัน\n\nสืบจนได้ที่ว่าเสือปลั่งจะปลอมตัวมาเล่นพนันไก่ชนที่บ้านอรัญญิกทุกวันโกน บ่อนไก่เปิดจนปิดเสือปลั่งได้เงินพนันมากโขเอาใส่ย่ามไว้เดินมาที่ลานโพธิ์หลังบ่อน เป็นที่ๆลุงสนิทนัดให้เสือปลั่งมาประลองเพลงดาบ เสือปลั่งเห็นเสือไพฑูรย์ถือดาบเดี่ยว ก็โยนดาบเล่มหนึ่งให้ลูกน้องถือไว้\n\n‘’ไอ้หน้าอ่อนแว่นตาดำ(ไพฑูรย์ใส่แว่นตาดำอำพรางใบหน้าตลอด) แน่ใจนะว่ารับมือไหว ให้เลือกว่าพอเอาเลือดตกยางออกหรือเอาถึงตายล่ะ’’\n\n‘’ประลองแค่เลือดตกยางออกก็พอแล้ว’’\n\nไพฑูรย์ถอดแว่นตาดำส่งให้ลุงสนิท ดาบประดาบ ไพฑูรย์ใช้เชิงกระบี่กระบองที่เรียนมาจากบ้านเกิดจังหวัดตาก ผสมกับที่อาจารย์กี้สอนตอนที่เป็นนักเรียนประยุกต์เข้าด้วยกัน เสือปลั่งใช้เพลงดาบแบบรุกฆาต เป็นการใช้ดาบตะลุยฟันแบบม้วนเดียวจบหูได้ยินคำสอนของอาจารย์กี้ที่ว่า\n\n‘’เจอดาบแบบรุกฆาตอย่าไปตกใจให้รับมือให้ดี ยั่วให้ฟันเหงื่อตกแล้วรุกคืนช้าๆมันโต้ตอบไม่ได้ถนัดหรอก เพราะดาบรุกฆาตนั้นหากไม่อาจทำอันตรายคู่ต่อสู้ได้แล้วละก็จะตกเป็นรองทันที’’\n\nไพฑูรย์รับถอยหลอกล่อไปมา คมดามอาถรรพ์ของเสือปลั่งได้แต่เพียงเฉียดไปมาแบบขนลุกเพราะไพฑูรย์ระวัง ครู่ใหญ่แรงที่ฟันเข้ามาเริ่มอ่อนลง ไพฑูรย์รุกกลับด้วยการฟันสลับบนล่างและในที่สุดดาบลวงพรางก็สำแดงเดช\n\nดาบลวงพรางเป็นดาบที่เรียกกันว่าดาบครึ่งเพลง หมายถึงทำทีเป็นโถมฟันบนแล้วยั้งฟันตวัดขึ้นทำให้คู่ต่อสู้รับมือไม่ถนัดดาบลวงพรางสำแดงเดชผล\n\nเมื่อไพฑูรย์ฟันแบบฝานบวบ คือฟันจากบ่าซ้ายตัดหน้าอกไปออกชายโครงขวาเสือปลั่งยกดาบขึ้นกันบนไพฑูรย์พลันยั้งมือแล้วฟันข้องอ้อยคือการฟันตรงแบบฟันลำอ้อย\n\nเสือปลั่งลดดาบลงมากันไม่ทันไพฑูรย์ใช้ปลายดาบฟันชายโครงเสียงดังบึก เสือปลั่งเหนียวจริง แรงฟันทำให้เสือปลั่งเสียหลัก\n\nไพฑูรย์เข้าระยะประชิดมือซ้ายดึงมีดหมอหลวงพ่อเดิมที่เอวออกมาสะบัดปลอกออก แทงให้เฉียดชายโครงเสือปลั่ง อำนาจมีดหมอทำลายอาคมเสือปลั่ง เสือปลั่งปล่อยดาบหลุดมือเอามือกุมเอวที่เลือดทะลักออกมา\n\n‘’มึงใช้มีดอะไรวะไอ้แว่นดำ’’\n\n‘’มีดหมอหลวงพ่อเดิมเอาแค่นี้พอแล้ว’’\n\nไพฑูรย์เอามีดหมอฝนกับหินลับมีด เอาน้ำประสะไปทาบาดแผลถอนอาถรรพ์มิให้แผลกลาย แล้วเดินทางหนีต่อไป ฝากดาบให้ลุงสนิทคืนให้กำนันสมานจากนั้นอีก 3 เดือนก็ได้ข่าวว่ากำนันสมานยิงเสือปลั่งตายขณะต่อสู้ เพราะนับแต่ถูกไพฑูรย์แทงเนื้อหนังที่เคยแกร่งเป็นหินของเสือปลั่งก็หมดสรรพคุณ |
ชื่อร้าน |
: |
อ้น อุตรดิตถ์ |
เบอร์โทรศัพท์ |
: |
0856030079 |
จำนวนคนเข้าชม |
|
3,649 คน |
------------------------------------------------------------------------------------------------
การซื้อขายรายการวัถุมงคลใดๆ ก็ตาม เป็นการตกลงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย
ผู้ซื้อต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนจะตกลงซื้อ ทางเว็บไม่รับผิดชอบหากมีข้อพิพาท หรือปัญหา จากการซื้อขายทั้งสิ้น